วัตถุมงคลดังพระปิดตา หลวงปู่เย่อ วัดอาษาสงคราม ตอน 1

เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระปิดตา

วัตถุมงคลประเภท “พระปิดตา” ปัจจุบันได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม ไม่แพ้ประเภท “เหรียญ” สนนราคาเล่นหานับวันจะสูงขึ้น ยิ่งเป็นของอดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในแต่ละจังหวัดด้วยแล้วจะมีสายศิษย์ที่ชอบสะสม อย่าง “พระปิดตาของหลวงปู่เย่อ” วัดอาษาสงคราม อ.พระประแดง จ.สมุทร ปราการ กำลังมาแรง

หลวงปู่เย่อเป็นพระเชื้อสายรามัญ เป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่ง ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ให้ได้ประจักษ์บอกต่อกันอยู่เนืองๆ ทั้งทางด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดปลอดภัย

นามเดิม ไพทูรย์ (เย่อ) กงเพ็ชร์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2431 ที่บ้านทมัง ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากบิดามารดาเป็นชาวรามัญที่เคร่งครัดต่อประเพณีนิยมและมั่นคงต่อพระพุทธศาสนา ช่วงวัยเยาว์บิดาจึงพาไปทำบุญที่วัดด้วยเสมอ ทำให้เลื่อมใส เมื่ออายุได้ 13 ปีครอบครัวจึงพาไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอาษาสงคราม มีท่านมหาขันธ์เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากนั้นได้ศึกษาเล่าเรียนอักขรสมัยทั้งไทยและรามัญจนมีความชำนาญ โดยเฉพาะอักขระขอมรามัญ จึงทำให้ท่านสามารถค้นคว้าตำราและพระคัมภีร์ต่างๆ ของรามัญได้อย่างกว้างขวาง เกิดความรอบรู้ทั้งทางปริยัติธรรมและวิชาแขนงต่างๆ ทางพุทธศาสนาตลอดจนวิชาการแพทย์ตามแบบโบราณสมัย ไว้ช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านอีกด้วย

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2451 ได้เข้าอุปสมบทที่วัดพญาปราบปัจจามิตรซึ่งอยู่ติดกัน เนื่อง จากสมัยนั้นวัดอาษาสงครามยังไม่มีอุโบสถ และพัทธสีมา แล้วนิมนต์ให้พระอธิการทอง วัดโมกข์ เป็นอุปัชฌาย์ พระอธิการเกลี้ยง วัดพญาปราบปัจจามิตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระธรรมวิสารธะ วัดโมกข์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “โฆสโก” แปลว่า “ผู้มีความกึกก้องกังวาน”

หลวงปู่เย่อ

หลังบวชแล้ว จึงศึกษาทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนมีความรู้แตกฉาน โดยเฉพาะบาลีแบบรามัญ ท่านมีความสามารถมากแต่ยังไม่ทันได้สอบ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงมีบัญชาให้เลิกการสอบแบบปากเปล่า และทรงยกเลิกการสอบแบบปากเปล่าทั้งทางบาลีไทยด้วย ให้สอบโดยการขีดเขียนแทน

ต่อมาท่านพิจารณาเห็นว่า สิ่งที่จะทำให้ล่วงพ้นความทุกข์ไปได้นั้นก็คือ การมุ่งศึกษาทางปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน จึงมุ่งกลับไปศึกษาทางวิปัสสนากรรมฐานโดยการค้นคว้าด้วยตนเองจากตำราภาษารามัญจนมีความเข้าใจเป็นอย่างดี จากนั้นได้ไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อหลิม วัดทุ่งบางมด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น วัดทุ่งโพธิ์ทอง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีความสามารถทางวิปัสสนาสูง และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางพุทธเวทย์วิทยาคมอันมีชื่อเสียงเกรียงไกรในยุคนั้น จนกล่าวยกย่องกันว่า 2 เกจิอาจารย์เก่งต้อง “หลวงพ่อหลิม วัดทุ่ง หลวงพ่อรุ่ง วัดท่าควาย” หลวงพ่อรุ่งนั้นหมายถึง หลวงพ่อรุ่ง วัดกระบือ พระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังในยุคเดียวกัน

หลวงพ่อหลิมนั้นท่านสร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายประชาชนของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้ผล ทางเมตตามหานิยมนับว่ายอดเยี่ยมมาก เป็นต้นว่า นางกวักของท่านปัจจุบันมีค่าหาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รัก-ยม” ของหลวงพ่อหลิมนั้น

ที่มา: ข่าวสด